จดหมายเปิดผนึกถึงนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เรื่อง ขอให้กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชน

เนื่องจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เป็นกลุ่มจิตอาสาที่ทำงานช่วยเหลือประชาชน ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม การถูกหลอกลวง และการถูกละเมิดสิทธิ์ต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ได้มีการรณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด-19 มาโดยตลอด จนมีผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และในรัฐบาลปัจจุบันก็ยังมีการเชิญชวนประชาชนไปฉีดวัคซีนโควิด-19และวัคซีนชนิดอื่นๆซึ่งในขณะเดียวกันมีข้อมูลรายงานจากต่างประเทศ เป็นงานวิจัยจำนวนมากถึงอันตรายจากวัคซีนโควิด-19โดยเฉพาะวัคซีนชนิด mRNA ที่มีผลทำให้มีผู้ที่ฉีดเสียชีวิต ทุพพลภาพ พิการ ฯลฯ ทั่วโลก
ส่วนในประเทศไทย มีข้อมูลชัดเจนจาก สปสช.ว่ามีผลข้างเคียงร้ายแรงจำนวนมาก แต่กระทรวงสาธารณสุขไทยกลับนิ่งเฉย มิได้สั่งหยุด หรือทบทวนผลเสียของวัคซีนแต่อย่างใด แต่กลับยังยิ่งรณรงค์การฉีดบูสเตอร์ โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 ตามที่ นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567 นั้น ทางกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เห็นว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวมิได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน
ทางกลุ่มฯ จึงขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสังคมดังนี้
1. จากตัวเลขผู้ป่วยใหม่ที่มีเพียง 594 รายต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นอัตราการติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 1 คนต่อประชากรแสนราย ซึ่งแปลว่าไม่ใช่การระบาดรุนแรง
2. เป็นสายพันธุ์ที่อาการไม่รุนแรง เป็นแค่อาการหวัด มียารักษาที่มีประสิทธิภาพมากมาย ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวการติดเชื้อเหมือนในอดีต
3. วัคซีนที่มีใช้ปัจจุบันไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ ไม่ช่วยป้องกันการแพร่เชื้อ
4. มีข้อมูลที่พบว่าการฉีดวัคซีนซ้ำๆทำให้ภูมิคุ้มกันกลับลดลงและติดเชื้อง่ายขึ้น
5. ปัจจุบันคนไทยกว่า ร้อยละ 90 เคยติดเชื้อโควิดแล้ว มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ กว่าภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีน
6. มีข้อมูลงานวิจัย ทั้งในผู้ป่วย และจากการชันสูตรศพที่ยืนยันว่า วัคซีนโควิดที่ กรมควบคุมโรค แนะนำให้ฉีดนั้นก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงสามารถทำให้เด็กและเยาวชนที่แข็งพิการหรือเสียชีวิตได้
ทางกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธ์ จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขทำการสืบสวนสอบสวนการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ กรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเป็นจริงกับสังคม มิใช่ให้ข้อมูลจากบริษัทยาเพียงด้านเดียว ทั้งนี้ทางกลุ่มยินดีให้ข้อมูลหลักฐานทางวิชาการที่สนับสนุนข้อเท็จจริงข้างบนดังกล่าวกับกรมควบคุมโรค และพร้อมนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นกับสังคมบนเวทีวิชาการสาธารณะ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคมด้วย
กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
เอกสารเพิ่มเติม
วัคซีนชนิด mRNA ทั้งของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา มีสิ่งปนเปื้อนที่เกิดจากขบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยพบสารพันธุกรรมอื่นที่ไม่ใช่ mRNA ของสไปก์โปรตีนตามโฆษณา แต่มี DNA ยีนดื้อยาของแบคทีเรีย และยีนก่อมะเร็ง SV40 ปนเปื้อนมาด้วย ตอนนี้นายแพทย์ใหญ่ของมลรัฐฟลอริดา (เทียบได้กับรัฐมนตรีสาธารณสุขของมลรัฐ) นายแพทย์ โจเซฟ ลาดาโพ (Joseph Ladapo) ได้ทำหนังสือถึง FDA หรือ อย. ของอเมริกา ถามคำถามสำคัญ 3 ข้อ คือ
1. บริษัทยา ได้ประเมินความเสี่ยงของการที่ DNA ที่ปนเปื้อนในวัคซีนจะเข้าไปแทรกในสารพันธุกรรมของคนที่รับวัคซีน หรือความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ รวมถึงความเสี่ยงจากไขมันนาโน และจากยีนก่อมะเร็ง SV40 FDAได้ขอข้อมูลดังกล่าวจากบริษัทยาเพื่อประเมินความเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่
2. FDA มีมาตรฐานการปนเปื้อนของสารพันธุกรรม DNA ที่ยอมรับได้ในผลิตภัณฑ์ยากลุ่ม biogenics หรือไม่ (เป็นการปนเปื้อนที่รู้ว่ามีใน biogenics) รวมถึงการประเมินความเสี่ยงของ นาโนลิปิดที่ใช้ใน mRNA วัคซีนหรือไม่
3. เมื่อพิจารณาถึงการที่ mRNA สามารถกระจายไปทั่วร่างกาย ไม่ได้จำกัดแอยู่เพียงบริเวณที่ฉีดของ mRNA vaccine และ DNA ที่ปนเปื้อน FDA ได้ประเมินความเสี่ยงของการที่ DNA เหล่านั้นจะเข้าไปแทรกอยู่ในพันธุกรรมของเซลล์ระบบสืบพันธุ์หรือไม่ ลิงค์ข่าว ดังนี้
https://x.com/FLSurgeonGen/status/1732535195792719880?s=20
https://rumble.com/v43rb1z-fl-surgeon-general-dna-from...
เอกสารงานวิจัยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาฉีดไฟเซอร์สำหรับเด็ก และข้อมูลประกอบ
https://drive.google.com/.../1Uzgod59BGli9XkDQTigbkQjuprM...
งานวิจัยศึกษาปัญหาหัวใจอักเสบจากวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กไทย
https://atapol616246.substack.com/p/c7c?utm_source=direct...
เด็กไทยกับพิษยาฉีด
https://t.me/ThChildJabVictems
ข้อมูล คนไทยพิทักษ์สิทธิ์
https://t.me/ThaiPitaksithData

